วิธีการใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง ทั้งแบบมีสายคล้องหูและสายผูก พร้อมเคล็ดลับตรวจสอบความกระชับ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันเชื้อโรคและมลภาวะ
หน้ากากอนามัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเดินหายใจและมลภาวะ แต่ประสิทธิภาพของหน้ากากจะลดลงหากใช้งานหรือดูแลรักษาไม่ถูกต้อง บทความนี้จะแนะนำวิธีการใส่ ถอด ดูแลรักษา และทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณได้รับการป้องกันที่ดีที่สุด
ทำไมการใส่และดูแลรักษาหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องจึงสำคัญ?
การใช้หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคและมลภาวะ แต่ยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคสู่ผู้อื่น การใส่หน้ากากที่ไม่กระชับ หรือการดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ประสิทธิภาพในการกรองลดลง หรือเพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรคโดยไม่ได้ตั้งใจ เราจะให้คำแนะนำที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อให้คุณสามารถใช้หน้ากากอนามัยได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
ขั้นตอนการใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง
การใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพในการป้องกันโรคและมลภาวะ การใส่หน้ากากที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดช่องว่างและลดประสิทธิภาพการกรองลง
การเตรียมตัวก่อนใส่หน้ากากอนามัย
- ล้างมือให้สะอาด : ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที โดยถูให้ทั่วทั้งฝ่ามือ หลังมือ ง่ามนิ้ว และซอกเล็บ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 70% ถูให้ทั่วมือจนแห้ง การล้างมือเป็นการลดการปนเปื้อนเชื้อโรคจากมือสู่หน้ากาก
- ตรวจสอบหน้ากาก : ตรวจสอบหน้ากากว่าอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยฉีกขาด รอยเปื้อน รูรั่ว หรือความเสียหายใดๆ โดยเฉพาะบริเวณสายคล้องหูหรือสายผูก และบริเวณรอยต่อของหน้ากาก หากพบความเสียหาย ควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทันที
วิธีการใส่หน้ากากอนามัยแต่ละประเภท
หน้ากากอนามัยมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันทั่วไปคือแบบมีสายคล้องหูและแบบมีสายผูก ซึ่งมีวิธีการใส่ดังนี้
หน้ากากแบบมีสายคล้องหู (Ear Loop Mask/Surgical Mask)
- จับที่สายคล้องหู : จับที่สายคล้องหูทั้งสองข้าง โดยให้ด้านที่มีสีเข้ม (ถ้ามี) หรือด้านที่มีลวดอยู่ด้านบน หันออกด้านนอก
- คล้องเข้ากับหูทั้งสองข้าง : คล้องสายเข้ากับหูทั้งสองข้าง โดยให้หน้ากากแนบกับใบหน้า
- คลี่หน้ากากออก : คลี่หน้ากากออกให้ครอบคลุมจมูก ปาก และคาง โดยให้ขอบด้านล่างอยู่ใต้คาง
- กดลวดบริเวณสันจมูก : กดลวดบริเวณสันจมูกให้แนบสนิทกับรูปหน้า เพื่อลดช่องว่างบริเวณจมูก ซึ่งเป็นจุดที่อากาศสามารถรั่วไหลได้ง่าย
หน้ากากแบบมีสายผูก (Tie-on Mask)
- ผูกสายด้านบน : ผูกสายด้านบนไว้เหนือศีรษะ บริเวณเหนือหู ให้แน่นพอดี ไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป
- ผูกสายด้านล่าง : ผูกสายด้านล่างไว้ใต้ศีรษะ บริเวณต้นคอ ให้แน่นพอดีเช่นกัน
- ปรับหน้ากาก : ปรับหน้ากากให้ครอบคลุมจมูก ปาก และคาง โดยให้ขอบด้านล่างอยู่ใต้คาง
- กดลวดบริเวณสันจมูก : กดลวดบริเวณสันจมูกให้แนบสนิทกับรูปหน้า เพื่อลดช่องว่าง
การตรวจสอบความกระชับ (Fit Check/Seal Check)
หลังจากใส่หน้ากากแล้ว ควรตรวจสอบความกระชับของหน้ากาก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอากาศรั่วไหล
- หายใจแรงๆ : ลองหายใจเข้าและออกแรงๆ หากรู้สึกว่ามีลมรั่วออกมาบริเวณขอบหน้ากาก บริเวณจมูก แก้ม หรือคาง แสดงว่าหน้ากากไม่กระชับ
- ขยับศีรษะ : ลองขยับศีรษะไปมา หากหน้ากากเลื่อนหลุดหรือมีช่องว่าง แสดงว่าหน้ากากไม่พอดี
- การแก้ไข : หากหน้ากากไม่กระชับ ให้ปรับสายคล้องหูหรือสายผูกใหม่ หรือเปลี่ยนหน้ากากใหม่ หากจำเป็น ควรเลือกหน้ากากที่มีขนาดเหมาะสมกับใบหน้า
ข้อควรจำเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้ากาก : ขณะสวมใส่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสส่วนด้านหน้าของหน้ากาก หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังสัมผัส
- หน้ากากสำหรับผู้มีหนวดเครา : ผู้ที่มีหนวดเคราอาจทำให้หน้ากากไม่แนบสนิทกับใบหน้า ทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันลดลง ควรโกนหนวดเครา หรือเลือกใช้หน้ากากที่ออกแบบมาสำหรับผู้มีหนวดเครา
- หน้ากากสำหรับเด็ก : ควรเลือกหน้ากากที่มีขนาดเหมาะสมกับใบหน้าเด็ก และสอนให้เด็กสวมใส่และถอดหน้ากากอย่างถูกต้อง
ทำความรู้จักกับหน้ากากอนามัยประเภทต่างๆ และเปรียบเทียบหน้ากากอนามัยแต่ละชนิด
วิธีการถอดหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี
การถอดหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนอยู่บนหน้ากาก การถอดอย่างไม่ระมัดระวังอาจเพิ่มความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
ขั้นตอนการถอดหน้ากากอนามัยอย่างปลอดภัย
- ล้างมือให้สะอาด : ก่อนเริ่มต้นถอดหน้ากาก ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 70% เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคที่อาจติดอยู่บนมือ
- จับที่สายคล้องหูหรือสายผูก : หลีกเลี่ยงการสัมผัสส่วนด้านหน้าของหน้ากากโดยตรง เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อโรค จับที่สายคล้องหู (Ear Loops) หรือสายผูก (Ties) เพื่อถอดหน้ากากออก
- หน้ากากแบบมีสายคล้องหู : ใช้มือจับที่สายคล้องหูทั้งสองข้างพร้อมกัน แล้วดึงหน้ากากออกจากใบหน้า
- หน้ากากแบบมีสายผูก : แกะสายผูกด้านล่างก่อน แล้วจึงแกะสายผูกด้านบน
- ทิ้งหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งอย่างถูกวิธี
- ใส่ในถุงพลาสติก : หาถุงพลาสติกสะอาด (เช่น ถุงซิปล็อก หรือถุงพลาสติกทั่วไป) และใส่หน้ากากที่ใช้แล้วลงในถุง โดยให้ด้านที่สัมผัสกับใบหน้าอยู่ด้านใน
- ปิดปากถุงให้มิดชิด : เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิด : เลือกทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันสัตว์หรือแมลงนำเชื้อโรคไปแพร่กระจาย
- ล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง : หลังจากการทิ้งหน้ากาก ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์อีกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่ามือสะอาดและปราศจากเชื้อโรค
ข้อควรหลีกเลี่ยงในการถอดหน้ากากอนามัย
- ไม่สัมผัสส่วนด้านหน้าของหน้ากาก : การสัมผัสส่วนด้านหน้าอาจทำให้เชื้อโรคติดมือ และแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
- ไม่ดึงหน้ากากลงมาไว้ที่คางหรือใต้จมูก : การทำเช่นนี้จะทำให้ด้านในของหน้ากากสัมผัสกับผิวหนังบริเวณคางและคอ ซึ่งอาจปนเปื้อนเชื้อโรค
- ไม่เก็บหน้ากากไว้ในกระเป๋าหรือที่อื่นๆ โดยไม่ใส่ถุง : การเก็บหน้ากากโดยไม่ใส่ถุง อาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปยังสิ่งของอื่นๆ
- ไม่นำหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งกลับมาใช้ซ้ำ : หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งออกแบบมาสำหรับการใช้งานครั้งเดียว การนำกลับมาใช้ซ้ำจะลดประสิทธิภาพในการป้องกันและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
การจัดการหน้ากากอนามัยในสถานการณ์พิเศษ
- กรณีอยู่ในสถานที่สาธารณะ : หากไม่มีถุงพลาสติกในขณะนั้น ให้พับหน้ากากโดยให้ด้านที่สัมผัสกับใบหน้าอยู่ด้านใน แล้วถือไว้ในมือโดยระมัดระวัง เมื่อถึงที่ที่มีถังขยะและถุงพลาสติก ให้ทิ้งหน้ากากตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น
- กรณีดูแลผู้ป่วยที่บ้าน : ควรใช้ถุงพลาสติกแยกเฉพาะสำหรับทิ้งหน้ากากและขยะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย และควรทิ้งขยะเหล่านี้อย่างระมัดระวัง
การดูแลรักษาหน้ากากอนามัยผ้า (Cloth Mask Care)
หน้ากากผ้าเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและประหยัด แต่ต้องดูแลรักษาอย่างถูกวิธีเพื่อคงประสิทธิภาพในการป้องกันและสุขอนามัยที่ดี
ความถี่ในการซัก (Washing Frequency)
- ซักทุกครั้งหลังการใช้งาน : เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก เหงื่อไคล และเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่บนหน้ากาก
- หากใช้เป็นเวลานานหรือมีเหงื่อมาก : ควรเปลี่ยนและซักหน้ากากผ้าระหว่างวัน
วิธีการซักหน้ากากผ้า (Washing Methods)
- ซักมือ (Hand Washing)
- แช่หน้ากากในน้ำสบู่หรือน้ำผสมผงซักฟอกอ่อนๆ ประมาณ 15-20 นาที
- ขยี้เบาๆ บริเวณที่มีคราบสกปรก
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง จนหมดฟอง
- ซักเครื่อง (Machine Washing)
- ใส่หน้ากากในถุงซักผ้า เพื่อป้องกันความเสียหายและยืดอายุการใช้งาน
- ใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุ่น และเลือกโปรแกรมซักผ้าแบบถนอมผ้า (Delicate Cycle)
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาฟอกขาว (Avoid Bleach) : น้ำยาฟอกขาวอาจทำให้ผ้าเสื่อมสภาพ สีซีดจาง และระคายเคืองผิว ควรใช้น้ำยาซักผ้าที่มีฤทธิ์อ่อนโยน
- ตากแดดให้แห้งสนิท (Air Dry) : ตากแดดหรือผึ่งลมให้แห้งสนิทก่อนนำกลับมาใช้ เพื่อป้องกันเชื้อราและความอับชื้น การอบผ้าในเครื่องอบผ้าอาจทำให้หน้ากากหดตัวหรือเสียรูปทรง
- การรีด (Ironing – Optional) : หากต้องการรีด ควรใช้ไฟอ่อนและรีดด้านในของหน้ากาก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อเนื้อผ้าและประสิทธิภาพการกรอง
วัสดุผ้าที่เหมาะสมและการดูแลรักษาเฉพาะ (Fabric Types and Specific Care)
- ผ้าฝ้าย (Cotton) : ซักและรีดได้ง่าย ทนทานต่อความร้อน
- ผ้าใยสังเคราะห์ (Synthetic Fabrics) : ควรซักด้วยน้ำเย็นและหลีกเลี่ยงการรีดด้วยความร้อนสูง
- ผ้าผสม (Blended Fabrics) : ปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลรักษาตามส่วนผสมของผ้า
การเก็บรักษาหน้ากากอนามัยเมื่อไม่ใช้งาน (Storing Face Masks)
การเก็บรักษาหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีมีความสำคัญ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและรักษาความสะอาด
หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง (Disposable Masks)
- ไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ (Single Use) : ควรทิ้งทันทีหลังการใช้งาน เพื่อสุขอนามัยที่ดี
- วิธีการทิ้ง : ใส่ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้มิดชิด และทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิด
หน้ากากผ้า (Cloth Masks)
- เก็บในที่แห้งและสะอาด (Clean and Dry Storage) : เช่น ในถุงผ้าที่สะอาด ถุงซิปล็อค หรือกล่องที่สะอาดและมีฝาปิด เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก
- หลีกเลี่ยงการเก็บในที่อับชื้น (Avoid Damp Places) : เพื่อป้องกันเชื้อรา
- แยกเก็บจากหน้ากากที่ใช้แล้ว (Separate from Used Masks) : เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
- การพกพา (Carrying) : หากต้องพกพาหน้ากากผ้า ควรใส่ในถุงซิปล็อคหรือภาชนะที่สะอาด เพื่อป้องกันการสัมผัสกับสิ่งสกปรกในกระเป๋า
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม (Additional Considerations)
- การสลับหน้ากาก (Rotating Masks) : หากใช้หน้ากากผ้า ควรมีหน้ากากสำรอง เพื่อสลับเปลี่ยนระหว่างวัน และให้หน้ากากที่ใช้แล้วได้พักและแห้งสนิท
- การตรวจสอบสภาพหน้ากาก (Inspecting Masks) : ตรวจสอบหน้ากากผ้าก่อนใช้งานทุกครั้ง หากพบว่าผ้าเริ่มบาง มีรอยขาด หรือเสียรูปทรง ควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่
ข้อควรระวังในการใช้หน้ากากอนามัย (Face Mask Usage Precautions)
การใช้หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องไม่ใช่เพียงแค่การสวมใส่ แต่รวมถึงการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพการป้องกันหรือเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
สิ่งที่ไม่ควรทำขณะใช้หน้ากากอนามัย
- ไม่สัมผัสส่วนด้านหน้าของหน้ากาก (Avoid Touching the Front of the Mask) : ขณะใช้งาน ไม่ควรสัมผัสส่วนด้านหน้าของหน้ากาก เนื่องจากอาจมีเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกปนเปื้อน หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนและหลังสัมผัส
- ไม่ดึงหน้ากากลงมาไว้ที่คางหรือใต้จมูก (Do Not Pull the Mask Down) : การดึงหน้ากากลงมาไว้ที่คางหรือใต้จมูก ทำให้จมูกและปากสัมผัสกับอากาศภายนอกโดยตรง ซึ่งลดประสิทธิภาพในการป้องกันอย่างมาก หากต้องการพัก ควรนำหน้ากากเก็บในถุงที่สะอาด
- ไม่ใช้หน้ากากที่เปียกชื้นหรือสกปรก (Do Not Use a Wet or Dirty Mask) : หน้ากากที่เปียกชื้นหรือสกปรกจะทำให้หายใจลำบาก เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค และลดประสิทธิภาพในการกรอง ควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทันที
- ไม่ใช้หน้ากากอนามัยร่วมกับผู้อื่น (Do Not Share Masks) : การใช้หน้ากากร่วมกับผู้อื่นเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรค ไม่ควรใช้หน้ากากร่วมกับใครก็ตาม
- ไม่นำหน้ากากที่ใช้แล้วกลับมาใช้ซ้ำ (สำหรับหน้ากากแบบใช้แล้วทิ้ง) : หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งออกแบบมาสำหรับการใช้งานครั้งเดียว การนำกลับมาใช้ซ้ำจะลดประสิทธิภาพในการกรองและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- ไม่เก็บหน้ากากไว้ในที่อับชื้น (Avoid Storing Masks in Damp Places) : การเก็บหน้ากากในที่อับชื้น เช่น ในกระเป๋าที่อับ หรือในรถที่ตากแดด อาจทำให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียสะสม
อาการที่ควรหยุดใช้หน้ากากอนามัย
- หายใจลำบาก (Difficulty Breathing) : หากรู้สึกหายใจลำบากขณะใส่หน้ากาก ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์
- มีผื่นแดงหรืออาการแพ้ (Skin Rash or Allergic Reactions) : หากมีผื่นแดง คัน หรืออาการแพ้บริเวณที่สัมผัสกับหน้ากาก ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์
- หน้ากากชำรุด (Damaged Mask) : หากหน้ากากฉีกขาด หรือส่วนประกอบต่างๆ เสียหาย ควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทันที
การทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี (Proper Disposal of Face Masks)
การทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่สิ่งแวดล้อมและผู้อื่น
ขั้นตอนการทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง
- เตรียมถุงพลาสติก (Prepare a Plastic Bag) : ก่อนถอดหน้ากาก ควรเตรียมถุงพลาสติกสำหรับใส่หน้ากากที่ใช้แล้ว
- ถอดหน้ากากโดยไม่สัมผัสส่วนด้านหน้า (Remove the Mask Without Touching the Front) : จับที่สายคล้องหูหรือสายผูก และถอดหน้ากากออกโดยไม่สัมผัสส่วนด้านหน้า
- ใส่หน้ากากในถุงพลาสติกและปิดปากถุงให้มิดชิด (Place the Mask in the Bag and Seal It) : ใส่หน้ากากที่ใช้แล้วลงในถุงพลาสติก และปิดปากถุงให้มิดชิด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิด (Dispose of the Bag in a Covered Trash Bin) : ทิ้งถุงพลาสติกที่มีหน้ากากอยู่ภายในลงในถังขยะที่มีฝาปิด เพื่อป้องกันสัตว์และแมลงนำพาเชื้อโรค
- ล้างมือให้สะอาด (Wash Your Hands Thoroughly) : หลังทิ้งหน้ากาก ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ทันที
การจัดการขยะหน้ากากอนามัยในช่วงการระบาด
ในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดต่อทางเดินหายใจ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพิ่มเติมจากหน่วยงานสาธารณสุขเกี่ยวกับการจัดการขยะหน้ากากอนามัย เช่น การแยกทิ้งขยะติดเชื้อ
สรุปและคำแนะนำเพิ่มเติม
การใส่และดูแลรักษาหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้รับการป้องกันสูงสุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในบทความนี้อย่างเคร่งครัด
คำแนะนำเพิ่มเติม
- สำหรับผู้ที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน อาจพิจารณาใช้หน้ากากที่มีวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี หรือใช้เทคนิคการพักหน้ากากเป็นระยะ (ตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ)
- การสวมหน้ากากอนามัยเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการป้องกัน ควรปฏิบัติตามมาตรการอื่นๆ เช่น การล้างมือ การเว้นระยะห่างทางสังคม และการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ